ซีเนดีน ซีดาน จอมทัพที่โลกไม่มีวันลืมเลือน
ซีเนดีน ซีดาน จอมทัพที่โลกไม่มีวันลืมเลือน เกิดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1972 ที่เมือง มาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส เขาเริ่มเล่นฟุตบอลจากการเล่นอยู่ตามท้องถนนนั่นเอง จนอายุได้ 14 ปีด้วยความสามารถที่มี ทำให้ไปเตะตาแมวมองของสโมสร กานส์ จึงทำให้เกิดการชักชวนให้เขาไปเข้าโรงเรียนฝึกสอนอยู่กับทางสโมสรตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถ พาตัวเองขึ้นไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 17 ปีเลยด้วยซ้ำโดยในฤดูกาล 1990-1991 เขาสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้แล้ว แต่ถ้าว่าสโมสรกลับทำผลงานได้ไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ จนท้ายที่สุดต้องตกไปเล่นในลีกล่าง แต่ด้วยความสามารถที่โดดเด่นเกินใคร ทำให้บอร์กโดซ์ ยื่นข้อเสนอมาขอรับไปดูแลทันที
หลังย้ายมาร่วมทีมบอร์กโดซ์ เขาใช้เวลาไม่นาน ก็กลายมาเป็นส่วนสำคัญ ในการขับเคลื่อนเดินกลางของทีม จนพาทีมเข้าชิงชนะเลิศศึก ฟุตบอล ยูฟ่า คัพในฤดูกาล 1995-1996 ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว จะแพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ทีมยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี แต่ลีลาการเล่นและการขับเคลื่อนเกมแดนกลางของเขา ในแมทช์นั้นเรียกได้ว่าสุดยอดเลยทีเดียว ทำให้สื่อต่างๆ เริ่มหันมาจับตามองเขากันมากขึ้น และมีการนำเอาไปเปรียบเทียบกับตำนานทีมชาติฝรั่งเศส อย่างมิเชลพลาตินี่ อีกด้วย

ในปี 1994 ซีดานถูกเรียกเข้าติดทีมชาติฝรั่งเศสครั้งแรก เขาออกสตาร์ทด้วยการเป็นผู้เล่นสำรองในเกมที่ฝรั่งเศสเจอกับสาธารณรัฐเช็ก ซีดานได้รับโอกาสให้ลงเล่นในฐานะตัวสำรองกรทำคนเดียว 2 ประตูช่วยให้ฝรั่งเศสไล่ตามตีเสมอสาธารณรัฐเช็กได้ 2 ประตูต่อ 2
แต่รายการที่เรียกได้ว่าเป็นเวทีเปิดตัวซีดานสู่วงการฟุตบอลก็คือ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี 1996 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ ซีดานกับบทบาทจอมทัพวาดลวดลายโชว์ลีลาออกมาได้อย่างน่าประทับใจ แต่ทว่าทีมชาติฝรั่งเศสกลับไปไม่ถึงตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ตกรอบไปก่อนอย่างน่าเสียดาย จากทัวร์นาเม้นต์นี่เอง ทำให้ซีดานตกเป็นเป้าหมายของทีมยักษ์ใหญ่ และสโมสรชั้นนำในยุโรปมากมาย

แล้วก็เป็นยูเวนตุสทีมมหาอำนาจจากประเทศอิตาลี ที่สามารถคว้าตัวซีดานไปร่วมทีมได้หลังจากจบฟุตบอลยูโร 96 ที่ประเทศอังกฤษ บอร์กโดซ์เพียงแค่ 3 ล้านบาท ซึ่งถือว่าถูกเอามากๆกับนักเตะที่มีฝีเท้าระดับนี้ โดยฤดูกาลแรกของเขากับยูเวนตุส ขอสามารถคว้าแชมป์ได้ทันที ด้วยการเอาชนะ ลิเวอร์พเพลท ทีมดังจากอาร์เจนตินา ในการชิงแชมป์ฟุตบอล intercontinental Cup
เขายังคงเป็นกำลังสำคัญของ ยูเวนตุส เหมือนอย่างเคย คอยบัญชาเกมในแดนกลางและขับเคลื่อนพาทีมคว้าแชมป์เซเรียอาในปี 1997 และ 1998

ด้วยผลงานที่ดีวันดีคืนของซีดานนี้เอง ทำให้เขามีชื่อไปลุยศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศสเองเป็นเจ้าภาพ หรือ ที่เราเรียกกันว่าฟร้อง 98 โดยฝรั่งเศส สามารถผ่าน เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศไปพบกับ บราซิล ได้ที่ในที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่าฝรั่งเศสเอาชนะบราซิลไปได้ แบบขาดลอยถึง 3 ประตูต่อ 0 จากการทำคนเดียว 2 ประตูของจอมทัพซีดานนั้นเอง นับว่าเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรก ของทีมชาติฝรั่งเศสเองด้วย และ ด้วยผลงาน 2 ประตูในรอบชิงชนะเลิศกับบราซิล ทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโลกอย่าง บัลลงดอร์ มาครองได้อีกด้วย

ต่อมาในปี 2000 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี 2000 ที่ฮอลแลนด์และเบลเยี่ยมเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ฝรั่งเศสภายใต้การบัญชาเกมของซีดาน ก็สามารถคว้าแชมป์ไปได้ตามความคาดหมาย ด้วยการเอาชนะอิตาลี ไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ จากประตูชัยของ ดาวิด เทรเซเก้ต์

ด้วยความสามารถที่เปี่ยมล้น และความร้อนแรงของซีดานนั่นเอง ทำให้เร็วมาดริดเจ้าของฉายาราชันชุดขาว ทีมยักษ์ใหญ่ของสเปน ยอมทุ่มเงินถึง 47 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวเขาไปร่วมทีม ด้วยจำนวนเงิน ที่มหาศาลขนาดนี้ ทำให้ซีดานกลายเป็น นักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก อีกด้วย
ฤดูกาลแรกของเขากับราชันชุดขาว ถือได้ว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว เมื่อเขาสามารถพาทีมคว้า แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกมาครองได้ในทันที และก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนทำประตูชัย ด้วยการฮาล์ฟวอลเลย์ เข้าไปอย่างสวยงาม โดยเป็นประตูชัยทำให้ทีมเอาชนะไบเออร์เลเวอร์คูเซ่น ทีมจากเยอรมันได้นั่นเอง
ซีดาน ทำผลงานได้ดีต่อเนื่องในปี 2002 2003 เขาได้ผนึกกำลังกับ หลุยส์ ฟิโก้, โรนัลโด้, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, พาทีมคว้าแชมป์ intercontinental cup, ลาลีกาสเปน, และ European Super Cub มาครองได้ในฤดูกาลเดียว
แต่ทว่าผลงานในทีมชาติกลับดิ่งลงอย่างน่าใจหาย นับตั้งแต่จบศึกฟุตบอลยูโรปี 2000 เมื่อขุนพลนักเตะทีมชาติฝรั่งเศส ล้วนแล้วแต่ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง โดน กรีซ เขี่ยตกรอบ ไปแบบพลิกความคาดหมาย หักปากกาเซียน แทบทุกสำนัก ซีดานเอง ผิดหวังอย่างมาก กับผลงานของทีมชาติ ในขณะนั้น จนทำให้ ประกาศอำลาทีมชาติทันที

แม้อายุจะเพิ่มขึ้น แต่เขายังรักษาผลงานได้ดีทุกครั้งยามได้ลงเล่นกับ เรอัลมาดริด จนทำให้กุนซือทีมชาติฝรั่งเศส ในขณะนั้นอย่าง โดเมอเน็ค ถึงกับต้องลงทุนไปเกลี้ยกล่อมด้วยตนเอง หวังจะให้ซีดานกลับมาเล่นให้กับทีมชาติ อีกครั้งหนึ่ง เพราะ ผลงานของฝรั่งเศสในตอนนั้นเรียกได้ว่า สามวันดี สี่วันร้าย
สุดท้ายซีดานใจอ่อน ยอมกลับมาเล่นให้ทีมชาติอีกครั้ง และหลังจากนั้นผลงานของทัพ ตราไก่ ก็ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ทำให้ผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ไปร่วมการแข่งขันที่เยอรมันในปี 2006
ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2006 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพนั้น ไม่มีใครโดดเด่นไปกว่า ซีเนดีน ซีดานอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสังหารจุดโทษพาทีมเอาชนะโปรตุเกส หรือ โชว์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ พาทีมเอาชนะบราซิล ที่มีทั้ง โรนัลโด้ โรนัลดินโญ่ และ กาก้า ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับอิตาลี

รูปเกมในนัดชิงชนะเลิศ ค่อนข้างจะตึงเครียด เกมรุกของฝรั่งเศส ที่นำโดยซีดาน สู้กับ แนวรับสุดหินของอิตาลีที่มี ฟาบิโอคันนาวาโร่ ได้อย่างสนุกสูสี
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ เฮดบัด อันเลื่องชื่อ หลังจากซีดานควบคุมตัวเองไม่อยู่ โขกเข้าไป ที่หน้าอกของมาร์โก มาเตรัซซี่เข้าอย่างจัง ทำให้เขาได้รับใบแดงและ ถูกไล่ออกจากสนาม ไปในทันที แม้เจ้าตัวพยายามอธิบายแล้วว่า เขาโดนสบประมาทและถูกยั่วยุก่อน
นักเตะฝรั่งเศส 10 คนช่วยกันยื้อจนถึงช่วงยิงจุดโทษ แต่ก็ไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ แพ้จุดโทษและ ชวดคว้าแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย

หลังจากนั้นไม่นาน ซีดานก็ประกาศแขวนสตั๊ดเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ อย่างเป็นทางการ หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2006 นั่นเอง แต่กลับไม่มีใครในฝรั่งเศสคนไหน หรือ แม้แต่ทั่วโลก กล่าวโทษ ซีดาน แต่อย่างใด เพราะผลงานและอิทธิผลที่เขาผลักดันทีมชาติมาถึงนี้ได้นั้นเอง
ขอบคุณภาพสวยๆจาก :: Google
อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม :: ดูบอลรวย